วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2561

ลงทุนในเหรียญสกุลเงินดิจิตอลทางไหนได้บ้าง แบบง่ายๆ?

ไหนๆ ปีที่แล้ว พลได้ลองเข้าสู่โลกของการลงทุนในเหรียญสกุลเงินดิจิตอล เพราะการชักชวนของเพื่อนสนิทที่ไปทำงานที่ญี่ปุ่น เลยอยากแชร์เรื่องดีๆ เลวๆ ฮาๆ ที่ได้ผ่านมาในส่วนนี้

สกุลเงินดิจิตอล กับผลกระทบในชีวิตประจำวัน

ปกติเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในโลกของเรา จะมีผลกระทบกับชีวิตเราในอย่างน้อยหนึ่งด้าน
และนั่นทำให้มันมีคุณค่า หรือมูลค่าขึ้นมา
ซึ่งเจ้าเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนสกุลเงินดิจิตอล เนี่ยเรียกว่า Blockchain
แต่ที่เขาซื้อๆ ขายๆ นี่เรียกว่า Crypto Currencies หรือ สกุลเงินดิจิตอล
และมันกำลังเข้ามามีอิทธิพลกับชีวิตประจำวันของเราทั้งทางตรง และทางอ้อม
  • ทางตรง คือ การซื้อขาย ที่เราเห็นออกสื่อ และเห็นลุงตู่พูดในข่าว ไม่ใช่แค่เมืองไทย พูดกันทั่วทั้งในและต่างประเทศ
  • ทางอ้อม คือ มันกำลังเปลี่ยนแปลงกลไกเศรษฐกิจโลกไปทีละน้อย
ในส่วนนี้ เอาเป็นว่าพูดถึงการลงทุนละกัน

เราลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลทางไหนได้บ้าง?

เงินเราออกจากกระเป๋า ไปลงทุน ก็ต้องอยากรู้ว่าเงินกลับมายังไง จะเพิ่มมากน้อยแค่ไหน ด้วยวิธีใดเนอะ
ไล่ตามที่พลเจอมา มีดังนี้

1. ซื้อขายในตลาด

อันนี้น่าจะใกล้ตัวที่สุดแล้ว
เพราะมันคือการซื้อขายเงินดิจิตอล
คล้ายๆ กับการเก็งกำไร ในรูปแบบต่างๆ เช่นทอง หรือสกุลเงิน Forex
ใครเคยเล่นเกมส์ออนไลน์ มันจะมีการหาของ ทำของมา แล้วขายกันในเกมส์ มองแบบนั้นก็ได้ ราคาของจะขึ้นอยู่กับความหายาก หรือความเทพใช่ไหม
เหรียญพวกนี้ ก็มีปัจจัยที่ราคาขึ้นลงเหมือนกัน
ปัจจุบันมีตลาดเทรดซื้อขายเหรียญพวกนี้ทั้งใน และต่างประเทศ เช่น ในไทยก็มี bx.in.th ที่มาเจ้าแรก และพลก็เข้าไปที่นี่ไม่น้อย
สนใจ สมัครผ่าน refer ของพลได้ เพื่อเป็นการสนับสนุนข้าวปลาอาหาร ให้พลมาแชร์เรื่องดีๆ แบบนี้เรื่อยๆ (บอกกันตรงๆ ไม่หมกเม็ดเลยนะเออ)
พวกเทคนิค หรือข้อสังเกตต่างๆ ในส่วนข้อนี้เดี๋ยวจะมาแชร์ คุยกันในตอนต่อๆ ไป
สนใจติดตามผ่านช่องทางด้านล่างนี้ได้นะครับ

2. ลงทุนซื้อเครื่องมาขุด

ช่วงนี้บางคนอาจจะเริ่มสังเกต เพื่อนพี่น้องฝ่ายไอที (และไม่ไอที) ถ่ายภาพเครื่องคอมพิวเตอร์หน้าตาแปลกประหลาด
พร้อมกับบอกว่า “ขุดเหรียญ”, “ทำเหมือง” อะไรพวกนี้
สิ่งที่เขาทำคือการลงทุนในจักรวาลแห่งสกุลเงินดิจิตอลครับ
กลไกของระบบสกุลเงินดิจิตอล จะมีส่วนหนึ่งที่ต้องอาศัยพลังของคอมพิวเตอร์ช่วยคำนวน และเราสามารถเอาคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกับระบบพวกนี้ เพื่อให้ช่วยคำนวนได้
และแน่นอน คอมพิวเตอร์มีเร็วมีช้า เครื่องต่างกัน ก็คำนวนได้เร็ว ได้ช้าต่างกัน
ค่าตอบแทนจากการลงทุนซื้อคอม + ค่าไฟ นี้
คือเหรียญสกุลเงินดิจิตอล ที่เอาไปซื้อขายได้ในข้อ 1

3. พัฒนาระบบที่ต่อยอดจากเทคโนโลยีพวกนี้

สกุลเงินดิจิตอล หรือ Crypto Currencies นั้น ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Blockchain เป็นหลัก
ถ้าเปรียบเงินดิจิตอลเป็นหินที่อยู่ตามชายหาด Blockchain นี่คือแกนกลางของโลกเราเลยล่ะ
ซึ่งจริงๆ Blockchain ก็ไม่ได้เอามาใช้ทำเงินดิจิตอลอย่างเดียว เอาไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ก็ได้ เช่น
ซึ่งหากมีทักษะพอ ก็สามารถเอา Blockchain มาพัฒนาระบบในอุตสาหกรรมของเราเองได้อีก

สรุป

จะเห็นว่า Blockchain และสกุลเงินดิจิตอลนั้น กำลังเข้ามาเปลี่ยนหลายๆ อย่างในชีวิตเรา ทั้งด้านที่เห็นเด่นชัด และด้านที่เราอาจจะไม่รู้ตัว
การลงทุนในสกุลเงินดิจิตัล รวมถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องนั้น จึงมี 3 รูปแบบใหญ่ๆ
โดย 2 แบบแรก จะใกล้ตัวเราหน่อย คือการเทรดซื้อขาย และการซื้อคอมมาขุด
แบบที่ 3 ก็ได้ทั้งระดับคนทั่วไป จนไปถึงระดับโลก

Forex (Foreign Exchange) คือ ตลาดที่ทำการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยราคานั้นจะแปรผันตาม demand และ supply ของแต่ละสกุลเงิน ซึ่งทั้งนี้อาจจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน ราคาทองคำ สภาพเศรษฐกิจ สถานการณ์บ้านเมือง เหตุการณ์ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการประกาศตัวเลขสำคัญ ๆ ของแต่ละประเทศ เช่น อัตราการว่างงาน เป็นต้น เรียกได้ว่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรามีความอ่อนไหวต่อปัจจัยรอบข้างค่อนข้างมากเลยครับ


การซื้อขายเงินสกุลใหญ่ ๆ เช่น ดอลลาร์สหรัฐ (USD), ยูโร (EUR), ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP), เยน (JPY) จะมีสภาพคล่องสูงมาก เนื่องจากมีผู้เล่นจำนวนมากและมีการเปลี่ยนแปลงของราคาตลอดเวลา ในอดีต ผู้เล่นในตลาด Forex จะจำกัดอยู่ในกลุ่มสถาบันการเงินใหญ่ ๆ เช่น ธนาคาร หรือบริษัทประกัน แต่ในปัจจุบัน ด้วยการเข้ามาของระบบการเทรดออนไลน์ นักลงทุนรายย่อยอย่างพวกเรา ก็สามารถเข้ามาลงทุนผ่านระบบการเทรดออนไลน์ของบริษัทโบรกเกอร์ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งคำสั่งซื้อ/ขายไปยังตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศทันทีที่ได้รับคำสั่ง

เราสามารถสรุปลักษณะเด่นของตลาด Forex ได้ดังต่อไปนี้ครับ


  • เป็นตลาดการเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เปิดทำการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ การซื้อขายเริ่มตั้งแต่ตลาดเปิดทำการตอนเช้าในออสเตรเลีย เอเชีย ยุโรปและจนจบวันทำการของอเมริกา
  • มีสภาพคล่องสูง เพราะมีคนซื้อ และคนขายจำนวนมาก ทำให้ปริมาณการซื้อขายสูงมากเมื่อเทียบกับการลงทุนแบบอื่น ๆ
  • มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตรามีความอ่อนไหวมากต่อปัจจัยรอบตัว ซึ่งนับได้ว่าเป็นโอกาสที่จะใช้ทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกัน ก็อาจจะขาดทุนได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
  • ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ในหนึ่งคู่สกุลเงิน นักลงทุนสามารถเปิดได้ทั้งสถานะซื้อ หรือขาย โดยเปิดสถานะซื้อหากคาดการณ์ว่าราคาจะสูงขึ้น และเปิดสถานะขายหากคาดว่าราคาจะลดลง
  • ใช้เงินลงทุนต่ำ แต่สามารถสร้างกำไรได้สูงด้วย leverage แต่ในทางตรงข้าม leverage ก็ทำให้ขาดทุนได้สูงมากเช่นกัน
  • ค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่ำ เมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น มีหลายโบรกเกอร์ไม่คิดค่าธรรมเนียมการซื้อขาย แต่จะคิดค่าบริการจากส่วนต่างราคา bid / ask หรือที่เรียกว่า spread โดยคู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายมากจะมี spread แคบ
โดยการซื้อขาย Forex จะแสดงในรูปคู่ของสกุลเงิน เช่น EUR/USD = 1.105965 หมายความว่า 1 Euro มีค่าเท่ากับ 1.105965 US Dollars การซื้อ EUR/USD จะหมายถึง การซื้อ EUR และขาย USD และในทางตรงกันข้าม การขาย EUR/USD หมายถึง การซื้อ USD และขาย EUR ตัวอย่างการซื้อขายคู่สกุลเงินที่สำคัญ ๆ ได้แก่ EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD, USD/CAD, USD/CHF, AUD/USD and NZD/USD

เช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้น เมื่อนักลงทุนในตลาด Forex เห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของคู่สกุลเงิน ก็นับเป็นโอกาสในการเข้าทำกำไร เช่น หากคาดการณ์ว่า ค่าเงิน EUR จะอ่อนลงเมื่อเทียบกับ USD นักลงทุนอาจจะสั่งขาย EUR/USD ณ ราคาปัจจุบัน โดยหากการคาดการณ์ของเราถูกต้อง และราคา EUR/USD ลดลง เราก็สามารถทำกำไรโดยการปิดสถานะการขาย ซึ่งกำไรที่ได้จะเป็นส่วนต่างของราคา คูณกับจำนวนหน่วยที่ซื้อ

มาดูตัวอย่างกันครับ จากการคาดการณ์ตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐที่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งหมายความถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น น่าจะมีผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร หรืออีกนัยหนึ่ง EUR/USD น่าจะมีค่าลดลง ดังนั้น เราจึงตัดสินใจเปิดสถานะขาย EUR/USD ที่ราคา bid 1.10288 จำนวน 10,000 หน่วย และด้วย leverage ที่ 50:1 ทำให้ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น คือ (1.10288 *10,000) / 50 = $220.576 (แทนที่จะต้องใช้เงิน $11,028.8) ซึ่งหากการคาดการณ์ถูกต้อง และ EUR/USD มีค่าลดลง เราสามารถปิดสถานะทันที เช่น ที่ราคา ask 1.09052 ในตัวอย่างนี้ เราสามารถทำกำไรได้ (1.10280-1.09052)*10,000 = $122.8

และด้วยลักษณะของ Forex ที่มีความเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างรวดเร็ว มีสภาพคล่องสูง ทั้งยังสามารถใช้ leverage ทำให้สร้างกำไรได้สูงด้วยเงินลงทุนต่ำ จึงอาจกล่าวได้ว่า การลงทุนใน Forex เหมาะกับนักลงทุนขาซิ่งที่ชอบความเสี่ยงสูง เน้นทำกำไรในช่วงเวลาสั้น ๆ ตัดสินใจซื้อขายอย่างรวดเร็ว หากสนใจด้านการลงทุนแนวอื่น ๆ ผมขอแนะนำบทความดี ๆ อย่างเจาะโอกาสการลงทุนในยุคตลาดผันผวน ลองอ่านดูครับ คิดว่าน่าจะได้ไอเดียไปต่อยอดกันอีกเยอะเลย

Exness      

วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ไอเดียการหาเงินออนไลน์

เคล็ดลับ การสร้างรายได้ผ่าน internet http:// manu7gdi.blogspot.com


10 ไอเดียการหาเงินออนไลน์

ไอเดียการหาเงินออนไลน์ที่มาของบทความ 10 ไอเดียการหาเงินออนไลน์มาจาก วันนี้ผมอ่านหนังสือของ วิน มายาจิต แล้ว ได้ข้อคิดที่น่าสนใจข้อหนึ่งครับ เขาบอกว่า ให้เราฝึกคิดว่า แต่สมมติ มีเงิน 5,000 บาท จะมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้เงินงอกเงยเป็น 2 เท่า ซึ่งเขาก็ให้คิดไปเลยครับ อย่างน้อยวันละ 10 วิธี พอสิ้นเดือน เราก็จะมีแนวคิดทำเงิน ถึง 10×30= 300 วิธี แล้วสิ้นเดือน ก็ลองวางแผนดูครับ ว่า ใน 300 วิธีนั้น อะไรที่น่าทำ และพอจะเป็นไปได้ ซึ่ง ในตอนแรก คิดไปเลยครับ ยังไม่ต้องสนใจว่า มันจะทำได้จริงหรือไม่ เป็นการไม่ปิดความคิดเราอยู่ในกรอบครับ คิดสบายๆ เพราะความคิดของเรา ไม่มีต้นทุนครับ หรือต้นทุนต่ำมากๆ เรียกว่าได้มาฟรีๆ
โดยบทความด้านล่างนี้ เป็นไอเดียที่เปิดความคิดสำหรับของผม ที่เรียกได้ว่า คิดได้ก็เขียนไว้ก่อนครับ ส่วนเรื่องจะทำให้มันเป็นจริงได้หรือไม่นั่นก็อีกเรื่องนึง เพราะเราจะได้ไม่อยู่แต่ในกรอบนั่นเอง โดยจะเสนอความเป็นไปได้ ว่า ถ้ามีเงิน 5,000 บาท เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้เงินงอกเป็น 2 เท่า หรือ 10,000 บาท นั่นเอง

งั้นเริ่มกันเลยครับกับ 10 ไอเดียการหาเงินออนไลน์

ไอเดียการหาเงินออนไลน์ที่ 1 การสร้างเว็บ Affiliate ทำเงิน 12,000 บาท

1. จดโดเมนได้ ประมาณ 20 โดเมนเนม ก็จัดไปเลยครับ แบ่งเป็นเว็บไทยสัก 10 โดเมน และ อังกฤษ 10 โดเมนเนม อัพเดทวันละ 1 บทความ ทุกเว็บ เป็นเวลา 30 วัน ในระหว่างนั้น จะติด Adsense, Amazon หรือ ClickBank เพื่อทำเงินตามสะดวกครับ
  • สมมิตว่า ทำแล้ว แต่ละเว็บทำเงินเดือนละ $20 เพราะฉะนั้น 20 เว็บ ก็จะได้เงินประมาณ $20×20= $400=12,000฿ เพียงเท่านี้เราก็ได้ 2 เท่ากว่าๆ ของเงินต้นแล้วนั่นเอง
  • สรุปวิธีที่ 1 เงินต้น 5,000 บาท
  • จดโดเมนใช้เงิน 230฿x20=4600 บาท เหลือ 400 บาท เช่าโฮสได้ 2 เดือนแรก (เดือนละ 300 บาท แต่เดือนแรกเช่าฟรี)
  • เขียนบทความเอง เข้าไป 30×20=600 บทความ (ในกรณี 1 บทความ/เว็บ/วัน) เรียกได้ว่า ถึกเรียกพี่ ถ้าเขียนวันเว้นวัน ก็น่าจะเบาหน่อย แต่ก็ถึกอยู่ดี
  • ถ้า 1 เว็บ ทำเงิน 600฿ เพราะฉะนั้น 20 เว็บจะได้เงิน 20×600฿=12,000 บาท นั่นเอง

ไอเดียการหาเงินออนไลน์ที่ 2 ทำ Affiliate แบบจ้างงาน ทำเงิน 10,500 บาท

2. ทำ เว็บไซต์ 1 เว็บ โดยจดโดเมน 1 โดเมนพอ ที่เหลือ เอาไปจ้างเขียนบทความ จะไทยหรืออังกฤษก็แล้วแต่สะดวกครับ จดโดเมนประมาณ 200-300 บาท เพราะฉะนั้นเหลือเงินอีก 4700 บาท ถ้าจ้างเขียนบทความละ 75 บาท จะได้ 62 บทความ อัพเดทวันละ 1 บทความ ได้ตั้ง 2 เดือน จากนั้นจะติด Adsene, Amazon หรือ ClickBank ก็แล้วแต่ตามสะดวก จากนั้น ถ้าบทความแต่ละหน้า ทำเงินหน้าละ 5 บาทต่อวัน เพราะฉะนั้น 62×5฿=310 บาท/วัน 1 เดือนก็จะได้ 310×30=9300 บาท แล้วนั่นเอง เกือบๆ 2 เท่าของเงินต้นครับ ต่ำกว่าเป้าไปนิดแต่ก็ถือว่าโอเคระดับหนึ่ง
  • จดโดเมน 1 โดเมนประมาณ 200-300 บาท/ปี
  • จ้างเขียนบทความละ 75 บาท จำนวน 62 บทความ ใช้เงิน 75×62=4650 บาท แล้วอัพเดทวันละ 1 บทความ เป็นเวลา 2 เดือน
  • ถ้า 1 บทความ ทำเงินวันละ 5 บาท เพราะฉะนั้น 62 บทความ ภายใน 1 เดือนน่าจะได้เงินประมาณ 5x62x30= 9300 บาท นั่นเอง ขาดไป 700 บาทจะได้ 2 เท่า แต่ก็โอเคล่ะนะ
การทำเงินกับ Amazon Adsense ClickBank

ไอเดียการหาเงินออนไลน์ที่ 3  เว็บบทความภาษาไทย ทำเงิน 10,500 บาท

3.เนื่องจาก พ่อและแม่ผมเป็นคุณครู ผมจะเอาเงิน 5,000 บาท ไปเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียน โดยให้นักเรียงเขียนเรียงความขนาด 1 หน้า A4 ส่งเข้าประกวด โดยให้รางวัลที่ 1,2 และ 3 คือ 2,000 1,000 และ 500 บาท ตามลำดับ (ออกแนวใช้แรงงานเด็กทางอ้อม อิอิ ใครไม่ถูกใจ ผ่านไปข้อต่อไปเลยนะครับ) สมมิตว่าได้มา 100 บทความ ไปจ้างพิมพ์งานหน้าละ 10 บาท จะเสียเงินอีก 1,000 บาท และส่วนที่เหลือไปจดโดเมนเนม แล้วเริ่มอัพเดทเว็บ จากนั้น ก็ติด Adsense หรือใครจะเอาเจ้าไหนก็แล้วแต่สะดวกครับ มีหลายเจ้าด้วยกันเช่น Adyim, BumQ, Yengo เป็นต้น เพราะฉะนั้นถ้าเว็บของเรา ทำเงินเดือนละ 3,500 บาท จะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ก็จะได้เงินประมาณ 10,500 บาท นั่นเอง 2 เท่าพอดีเลย(แถมเกินมาอีก 500 บาทแน่ะ)
  • จดโดเมน 1 โดเมนประมาณ 200-300 บาท/ปี
  • เช่าโฮสได้ 2 เดือนแรก (เดือนละ 300 บาท แต่เดือนแรกเช่าฟรี)
  • ทุนการศึกษา 3,500 บาท
  • จ้างพิมพ์งาน 1,000 บาท (แต่ถ้าให้เด็กส่งงานเป็นไฟล์เวิร์ดก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้อีก)
  • สมมติว่าติด Adsense แล้วได้เงินเดือนละ 3,500 บาท ในระยะเวลา 3 เดือน เราก็จะได้เงินประมาณ 10,500 บาท ได้ 2 เท่าแล้วนั่นเอง

ไอเดียการหาเงินออนไลน์ที่ 4 เขียนบทความจากหนังสือ ทำเงิน 10,000 บาท

4.เนื่องจากผมได้ยินคุณสมคิด ลวางกูร พูดอยู่ประโยคหนึ่งว่า หนังสือของเขานั้น ไม่มีลิขสิทธิ์ ไม่ต้องขออนุญาต อีกต่างหาก(สงสัยยอดขายหนังสือคุณสมคิด ลวางกูร จะเพิ่มขึ้นก็งานนี้แหละ) เพราะฉะนั้นใครคิดอะไรไม่ออก ลองไปหาซื้อหนังสือคุณสมคิด ที่มีชื่อว่า สุดยอดหนังสือดี ซึ่งมีด้วยกัน 20 กว่าเล่ม แล้วลองอ่านดูครับว่า มันจะเขียนเรื่องอะไรได้บ้าง แนะนำว่า อย่าก้อปปี้มาทั้งดุ้น เพราะ อาจจะมีคนคิดแนวนี้ได้ก่อนผมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแนะนำให้ ใส่ความคิดเห็นของเราเข้าไปด้วย หรือ ใส่สไตล์การเขียนของเราลงไป เพื่อให้แตกต่างจากต้นฉบับจะดีมาก
สุดยอดหนังสือดี เล่ม 17 คิดนอกคอก ทำนอกคำภีร์*คำเตือน: หนังสือเล่มอื่นๆ มีลิขสิทธิ์เกือบหมด ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพราะฉะนั้น อย่าไปก้อปปี้บทความเขามาทั้งดุ้นล่ะครับ ให้มาแปลงเป็นภาษาสไตล์ของเราอีกทีนึง เดี๋ยวโดนฟ้องร้องแล้วจะหาว่าผมไม่เตือนนะครับ หุหุหุ
  • จดโดเมน 5 โดเมนประมาณ 200-300 บาท/ปี
  • เช่าโฮสได้ 2 เดือนแรก (เดือนละ 300 บาท แต่เดือนแรกเช่าฟรี)
  • ซื้อหนังสือ 20 เล่ม เล่มละ 100 บาท (ช่วงลดราคา อิอิ) ใช้เงิน 2,000 บาท
  • ติด Adsense เข้าไป หรือ Adyim, BumQ, Yengo เป็นต้น
  • จ้างเขียนหรือเขียนเองก็ได้ (ถ้าจ้างประมาณ 1,000 บาท)
  • สมมติว่าทั้ง 5 เว็บรวมกันทำเงินเดือนละ 3,500 บาท ในระยะเวลา 3 เดือน เราก็จะได้เงินประมาณ 10,500 บาท ได้ 2 เท่าแล้วนั่นเอง

ไอเดียการหาเงินออนไลน์ที่ 5  สอนพิเศษ ทำเงิน 10,000 บาท

5.ถ้าสมมติว่า เรามีความถนัดในด้านใดเป็นพิเศษ ก็ให้เขียนบทความในเว็บขึ้นมาครับ เกี่ยวกับเรื่องที่เราถนัดนี่ล่ะ แล้วเมื่อคนเข้าเว็บเยอะขึ้น จะเปิดสอนพิเศษก็ได้ครับ สมมติว่า เปิดสอนพิเศษ คนละ 2,000 บาท ภายใน 1 เดือน สอนสัก 5 คน ก็ได้ 10,000 บาทหรือ 2 เท่าของเงินต้นแล้วนั่นเอง อย่างเช่นตัวผมนั้น เรียนวิศวะไฟฟ้ามา ก็จะถนัดเรื่อง คณิตศาสตร์, วงจรไฟฟ้า เป็นต้น
  • จดโดเมน 5 โดเมนประมาณ 200-300 บาท/ปี
  • เช่าโฮสได้ 2 เดือนแรก (เดือนละ 300 บาท แต่เดือนแรกเช่าฟรี)
  • ซื้อหนังสือคณิตศาสตร์หรือวงจรไฟฟ้า 2 เล่ม เล่มละ 200 บาท ใช้เงิน 400 บาท
  • เขียนบทความลงไปครับ เช่น วิธีการแก้โจทย์แคลคูลัส หรือ วิธีการต่อวงจรไฟฟ้า เป็นต้น
  • จากนั้นเมื่อมีคนเข้าเว็บเราเยอะขึ้น และเราทบทวนวิชาให้แน่นขึ้นแล้ว ก็พร้อมเปิดสอนพิเศษแล้วล่ะครับ จะสอนตามบ้าน หรือสอนออนไลน์ หรือให้นักเรียนมาเรียนที่บ้าน ก็แล้วแต่ท่านจะสะดวกเลยครับ
  • ได้นักเรียนเดือนละ 5 คน คนละ 2,000 บาท ภายใน 1 เดือน ก็จะได้เงิน 10,000 บาท ใช้แล้วล่ะครับ

ไอเดียการหาเงินออนไลน์ที่ 6 ขายของ ทำเงิน 12,000 บาท

6.เอาสินค้ามาลงเว็บขายเองครับ เช่น ขาย ดอกคำฝอย แคปซูล ขวดละ 120 บาท ถ้าราคาส่งก็น่าจะได้สัก 80 บาท กำไรประมาณ 40 บาท ขายได้สัก 250 ขวดก็ได้เงินหมื่นแล้ว หุหุหุ
  • จดโดเมน 5 โดเมนประมาณ 200-300 บาท/ปี
  • เช่าโฮสได้ 2 เดือนแรก (เดือนละ 300 บาท แต่เดือนแรกเช่าฟรี)
  • ซื้อหนังสือเกี่ยวกับสมุนไพรไทย แล้วเขียนในแบบฉบับของเราเอง หรือหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตก็ได้ (แต่อย่าไปก้อปปี้ บทความชาวบ้านเขานะครับ โดนฟ้องแล้วจะหาว่าไม่เตือน) ประมาณ 200 บาท
  • เขียนบทความวันละ 1-2 บทความ เป็นระยะเวลา 1 เดือน ถ้าขายได้เดือนละ 100 ขวด ก็ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ก็จะได้เงิน 12,000 บาทแล้วนั่นเอง อันนี้แค่ สินค้า 1 อย่างเท่านั้นเองนะจะบอกให้

ไอเดียการหาเงินออนไลน์ที่ 7 ฟรีแลนซ์ ทำเงิน 10,000 บาท

จ้างเขียนบทความ
7.เปิดเว็บไซต์รับจ้างหรือฟรีแลนซ์นั่นเอง เช่น รับจ้างเขียนบทความ รับจ้างโพสหรืออัพเดทบทความ เช่น บทความละ 100 บาท ทำ 100 บาทความก็ได้ 10,000 บาทแล้วนั่นเอง แต่เราควรจะมีความรู้ด้าน SEO อยู่บ้าง เพื่อให้ลูกค้าเราพอใจในบทความและกลับมาใช้บริการใหม่นั่นเอง
  • จดโดเมน 5 โดเมนประมาณ 200-300 บาท/ปี
  • เช่าโฮสได้ 2 เดือนแรก (เดือนละ 300 บาท แต่เดือนแรกเช่าฟรี)
  • อาจจะหางานตามที่เขาประกาศไว้ ตามเว็บบอร์ดเช่น thaiseoboard.com ในห้องจ้างงาน และหาลูกค้าด้วยเว็บของเราเองด้วย เพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้า และเพิ่มความน่าเชื่อถือของลูกค้าด้วย
  • โดยปกติ ค่าจ้างที่เราจะได้รับขึ้นอยู่กับความยาวของบทความ ยิ่งบทความยาว ก็จะยิ่งมีค่าจ้างที่สูงขึ้นตามไปด้วย เช่น บทความยาว 500 คำ 100 บาท แต่ถ้าบทความยาว 1,000 คำ 200 บาท เป็นต้น เพราะฉะนั้น ถ้าได้ลูกค้าเดือนละ 50 บทความ เป็นเวลา 2 เดือน ก็จะได้เงินหมื่นใช้แล้วนั่นเอง

ไอเดียการหาเงินออนไลน์ที่ 8 เงินต่อเงิน ทำเงิน 9,990 บาท

8.ไอเดียนี้ ใช้เงินต่อเงินล้วนๆครับ เพราะใช้การจ้างงานทั้งหมด เช่น ที่ Fiverr.com ค่าจ้างงาน $5(150บาท) สมมติว่า เราไปเปิดแอคเค้าท์ที่ Fiverr.com แล้วได้ค่าแรงงานละ $5 แล้วเราก็ไปจ้างที่อื่นที่ถูกกว่าสมมติว่าจ้างที่อื่นได้ในราคา $3 เราก็จะได้กำไรบทความละ $1 (เพราะ Fiverr.com หักค่านายหน้าไป $1) เพราะฉะนั้น ถ้าได้งานมา 333 งาน ก็จะได้กำไร $333= 9990 บาทนั่นเอง
  • ต้นทุนอยู่ที่ $3(90 บาท) ต่อ 1 งาน แปบเดียว เดี๋ยวก็ได้เงินคืน $4 หรือกำไร $1
  • รับงานครบ 333 งาน ก็จะได้เงิน $333 หรือ 9,990 บาท นั่นเอง

ไอเดียการหาเงินออนไลน์ที่ 9 ซื้อ-ขาย โดเมนเนม ทำเงิน 10,000 บาท

9.การซื้อ-ขาย โดเมนเนมที่มีชื่อสวยๆ ครับ โดยเราอาจจะไปจดโดเมนสวยๆ แต่โดยส่วนใหญ่จะโดนซื้อไปหมดแล้ว แต่วิธีการก็คือ ให้ติดตามข่าวสารใหม่ๆ ซึ่งเราคาดว่า มันจะดังหรือฮิตในเร็วๆนี้ เช่น ภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่อง ยักษ์ ซึ่งพึ่งออกฉายได้ไม่นานคู่แข่งอาจจะไม่เยอะ ให้เราจดโดเมนเนมเกี่ยวกับ ยักษ์ เลยครับ แล้วประกาศขาย ถ้าเป็นโดเมนภาษาไทย ก็ขายตาม เว็บบอร์ด thaiseoboard.com เป็นต้น หรือถ้าจะขายฝรั่ง แนะนำไปขายที่ Flippar.com ซึ่งมีการซื้อ-ขาย โดเมนกันอยู่ตลอดเวลา
  • ค่าจดโดเมน 1 โดเมน ประมาณ 200-300 บาท
  • สมมติประกาศขายโดเมนเนมหรือเว็บไซต์ ราคา 500-1,000 บาท จะได้กำไรประมาณ 300-800 บาทต่อ 1 โดเมน (เฉลี่ยกำไร 500 บาท) 
  • เพราะฉะนั้นถ้ากำไร 500 บาท/โดเมน ถ้าเราขายได้ 20 โดเมน ก็ได้กำไร 10,000 บาท แล้วนั่นเอง

ไอเดียการหาเงินออนไลน์ที่ 10 Facebook ทำเงิน 10,000 บาท

facebook logo
10.ทำเงินจาก Facebook โดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่จะเล่น facebook แล้วไม่เคยคิดจะทำเงินกับมันเลย ซึ่งจริงๆแล้ว ในระยะ 1-2 ปีที่ผ่านนี้ กระแสการทำเงินบน facebook มาแรงมาก เช่น บริการการขาย Like (ซึ่งตอนหลังๆ facebook ประกาศว่า ถ้าจับได้จะโดนปิดหน้าเพจหรือโดนแบน) หรือ การขายสินค้าบน facebook, การรับจ้างทำแอพพลิเคชั่น, การรับจ้างทำเกมส์ หรือแม้กระทั่งรับจ้างอัพเดทบทความหรือรูปภาพ เรียกง่ายๆว่า รับจ้างเป็นผู้ดูแล facebook แฟนเพจ นั่นเอง ซึ่งส่วนนี้ มีรายได้ที่แตกต่างกันไป แต่โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า ใช้ เวลา 1-3 เดือน ก็สามารถทำเงิน 10,000 บาท ได้ไม่ยาก แล้วแต่ความถนัดของท่านผู้อ่านด้วยครับ
เป็นยังไงบ้างครับ กับ ไอเดียการหาเงินออนไลน์ ที่ผมได้นำเสนอมา ก็หวังว่า ไอเดียเล็กๆนี้ จะก่อให้เกิดรายได้อีกมากมายสำหรับผู้แสวงหารายได้บนโลกออนไลน์ ท่านผู้อ่านมีความคิดเห็นหรือติชมอย่างไร พูดคุยกันได้ครับ แล้วพบกับ ไอเดียการหาเงินออนไลน์ ในครั้งต่อๆไปครับ ขอให้ทุกๆท่านร่ำรวยๆ ครับผม

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ภาษาส่วยวันละคำ





พจนานุกรมภาษาส่วย (กูย)


ส่วย หรือกูย
เป็นชนชาติที่กระจัดกระจายอยู่ตามลุ่มแม่น้ำมูลและลาวตอน ใต้ ตั้งภูมิลำเนาปะปนกับพวกเขมรในจังหวัดสุรินทร์ ศรีษะเกษ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ส่วยจะใช้ภาษาไทยเป็นภาษาราชการ และใช้ภาษาส่วยในการติดต่อสื่อสารกันเองและชุมชนใกล้เคียง

รูปร่างลักษณะ ส่วยมี 2 ลักษณะ พวกแรก รูปร่างหน้าตาคล้ายพวกเงาะ คือ ผมหยิก ผิวคล้ำ จมูกบาน ส่วนอีกพวกหนึ่งจะมีร่างกายสูงใหญ่ ชาวส่วยมีความชำนาญในเรื่องการคล้องช้าง ชอบชีวิตที่เรียบง่ายมีอิสระและมีนิสัยซื่อตรง

การตั้งหมู่บ้าน ชาวส่วยนิยมตั้งบ้านเป็นกลุ่ม สภาพบ้านเรือนมีความเรียบง่าย ใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น เน้นประโยชน์ใช้สอยมากกว่าความสวยงาม การสร้างบ้านจะยึดรูปแบบเดิมอย่างเคร่งครัด สภาพบ้านเรือน ขนาด และ วัสดุที่ใช้จะบ่งบอกฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวนั้น ลักษณะบ้านเรือนของส่วยที่พบมี 4 แบบ ได้แก่ กระท่อม บ้านชั้นเดียวใต้ถุนสูง บ้านแฝด และบ้าน 2 ชั้น

ความเชื่อและศาสนา ส่วยนับถือศาสนาพุทธและมีความเชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณ โดยเชื่อว่าผีปะกำคือผีที่มีอำนาจสูงสุด และเชื่อว่าเมื่อบรรพบุรุษตายไปแล้วจะกลับมาเกิดในตระกูลเดิม จึงนิยมตั้งชื่อลูกหลานตามชื่อ ปู่ ย่า ตา ยาย ที่ล่วงลับไป

ภาษาส่วยนั้น จะมีเฉพาะภาษาพูด ไม่มีภาษาเขียนที่เป็นพยัญชนะสระและวรรณยุกต์ คำที่ใช้
ส่วนใหญ่เป็นคำโดดพยางค์เดียว อย่างมากก็ไม่เกิน พยางค์คล้ายๆกับภาษาไทยและภาษาเขมร

ดังนั้นในการเขียนภาษาส่วยจึงจำเป็นต้องเปรียบเทียบเสียงกับพยัญชนะ สระและวรรณยุกต์ในภาษาไทย
ภาษาส่วนที่ใช้ในชีวิตประจำวันเป็นภาษาง่ายๆ พื้นๆ ไม่ลึกซึ้ง มีความหมายตรงไปตรงมา
ไม่ซับซ้อนเหมือนภาษาไทย ดังนั้นจึงจำแนกภาษาได้เป็นหมวดหมู่ดังนี้

พจนานุกรมภาษาส่วย (กูย)
คำทักทาย
หมวง เจา รู เหนีย แปลว่า คุณมาจากไหน
หมวง เจา นะ กา ดาย แปลว่า คุณมากับใคร
หมวง กู เซาะ เหนีย แปลว่า คุณอยู่บ้านไหน
หมวง เจา บวย มลอ แปลว่า คุณมาหาอะไร
หมวง เจา บวย กะ ดาย แปลว่า คุณมาหาใคร
หมวง กอน กะ ดาย แปลว่า คุณเป็นลูกใคร
คำส่งท้าย
ไฮ จี หยูง เดอ แปลว่า ผมไปก่อนนะ
ออน แบละบืนจะแงดจะเงอม เดอ แปลว่า ขอให้อยู่เย็นเป็นสุขนะ
ออน จะอ๊อบ เดอ แปลว่า ขอให้สบายดีนะ
ออน โชคดี เดอ แปลว่า ขอให้โชคดี
ออน กอนเจา แบละบืนจะแงดจะเงอม เดอ แปลว่า ขอให้ลูกหลานอยู่เย็นเป็นสุข
ออน ปละ ฮอย แซง แหยง ฮอย เซาะ เดอ แปลว่า ขอให้มีเงิน ทองไหลมาเทมา
ออน อาหยุ หยืน เดอ แปลว่า ขอให้มีชีวิตที่ยืนยาว
คำตอบรับ
ภาษาส่วย ไม่มี ครับ ค่ะ คะ จ๋า จ๊ะ การใช้คำตอบรับกันจึงใช้คำว่า อือ หรือ เออ
คำสนทนาทั่วไป
คำถาม ไง แหน หมวง จา โดย นะ มลอ แปลว่า วันนี้คุณกินข้าวกับอะไร
คำตอบ ไฮ จาโดย นะ อากาทอด แปลว่า กินข้าวกับทอดปลา
คำถาม หมวง เกอด ปละ ตาง ออน ไฮ หยืม เถ แปลว่าคุณมีเงินให้ผมยืมไหม
คำตอบ เถ ไฮ ปะ เกอด ปละ ตาง เอ๊อะ แปลว่า ผมไม่มีเงินให้คุณยืมหรอก
คำถาม ไง แหน หมวง จี ถีว นะ ไฮ เถ แปลว่า วันนี้คุณไปเที่ยวกับผมไหมครับ
คำตอบ ไฮ จี เฮย ไง แหน ไฮ วาง พอดี แปลว่า ไปครับ วันนี้ผมว่างพอดี
คำถาม กะมอน หมอง จา โดย นะ มลอ บืน กานับ ออ แปลว่า สาวครับ คุณทานข้าวกับอะไรจึงได้สวยจังเลย
คำตอบ ไฮ จา โดย นะ ปนอากาเฉาะ นะ ผัก แปลว่า ฉันทานข้าวกับน้ำพริกปลาช่อนและผัก
คำสนทนากับพระสงฆ์ ผู้มียศศักดิ์
คำถาม กอน จู สวด มน บืน แหลว ด๋อง แปลว่า สามเณรสวดมนต์ได้หรือยัง
คำตอบ กะเบียด สวด บืน แหลว แปลว่า สวดได้แล้วครับ
คำสั่ง จี สวด มน หญูง เดอ แปลว่า ไปสวดมนต์ก่อนนะ
คำตอบรับ โดย ,โดยขะนอย
หมวดร่างกาย 
ภาษาส่วย(กูย) - ภาษาไทย
ปลอ - หัว
เซาะ - ผม
ขิว - คิ้ว
หมัด - ตา
เซาะหมัด - ขนตา
หมุ๊ - จมูก
ผล็องหมุ๊ - รูจมูก
กาบำ - แก้ม
เขียง - คาง
กะตอล - หู
กาเน๊าะ - ปาก
กาต๊ะ - ลิ้น
ตะกอง - คอ
กาแนง - ฟัน
กาป๊าก - ไหล่
แบล็ง - แขน
กอมเต - นิ้วมือ
แกง - เอว
จะ - ลำตัว
กาแปล - สะโพก
กอด - ก้น
ยืง - ขา
แคล็ก - เล็บ
กะฮอม - หัวใจ
หลวม - ตับ
หลวดแกด - ลำไส้เล็ก
หลวดผืด - ลำไส้ใหญ่
กลองหมัด - ลูกตา
เซาะ - ขน
กะถิ - รักแร้
กาเล๊าะ - สะดือ
ปลอตะกอล - หัวเข่า
ซอก - ข้อศอก
ฮาง - กระดูก
ซัด - เนื้อ
ผุง - พุง
ตาตุม - ตาตุ่ม
กอมยืง - นิ้วเท้า
แขล๊ะยืง - เล็บเท้า
แขล๊ะเต - เล็บมือ
เต๊าะ - นม
ขรูง - อก
ผุง - ท้อง
เก๊าะ - หลัง
กาลางเต - ฝ่ามือ
กาหมอล - เงา
หมุ๊หมัด - หน้าตา
เดี๋ยะหมัด -น้ำตา
หรู - น่อง
กาข๋อง - แข้ง
กอมยืง - ปัสสาวะะ
กอมแบลง - ข้อมือ
กอมเตแก๊ด - นิ้วก้อย
กาไซ - เส้นเอ็น
เดี๋ยะหมุ - น้ำมูก
ฮาม - เลือด
กรอง - อุจจาระ
เดี๋ยะหวี - น้ำลาย
หมวดจำนวนนับ
ภาษาส่วย(กูย) - ภาษาไทย
หมูย - หนึ่ง
เบีย - สอง
ไป - สาม
ปอน - สี่
เซิง - ห้า
กาผัด - หก
กาโผล - เจ็ด
กาค๊วล - แปด
กาแข๊ะ - เก้า
กาเจ็ด - สิบ
เฉียว - ยี่สิบ
หมูยหรวย - หนึ่งร้อย
เบียหรวย - สองร้อย
ไปหรวย - สามร้อย
ปอนหรวย - สี่ร้อย
เซิงหรวย - ห้าร้อย
กาผัดหรวย - หกร้อย
กาโผลหรวย - เจ็ดร้อย
กาแข๊ะหรวย - แปดร้อย
หมูยผัน - หนึ่งพัน
หมุยหมื่น - หนึ่งหมื่น
หมุยแสน - หนึ่งแสน
หมุยล้าน - หนึ่งล้าน
หมวดเครื่องใช้
ภาษาส่วย(กูย) - ภาษาไทย
ฮับ - เสื้อ
หยิ๊กกูด - กางเกง
สบู - สบู่
แปลงดิกาแนง - แปลงสีฟัน
อาแจะถิกาแนง - ยาสีฟัน
คัล - ขัน
กาละมัง - กาละมัง
ขลุ - ครุ
โขม - จาน
อาโบง - ช้อน
อาแด๊ะ - หม้อ
กะถะ - กะทะ
เตา - เตา
พัดลม - พัดลม
โทรทัด - โทรทัศน์
ยิ๊กโนม - ผ้าห่ม
กาน๊อย - หมอน
บวนบิ๊ก ที่นอน
อาหลวงตีงหยิ๊ก - ไม้แขวนผ้า
นังเซอ - หนังสือ
ตูหยิ๊กฮับ - ตู้เสื้อผ้า
กาโต - ไม้กวาด
อาหลวงถูดุง - ไม้ถูพื้น
ตูเย็น - ตู้เย็น
ปากกา - ปากกา
อารถ - รถ
หมัลเสียบอุ๊ - ปลั๊กไฟ
บวนตะกาว - ที่นั่ง
เตาะ - โต๊ะ
ตุมฮู - ตุ้มหู
ฮองเดี๊ยะ - ห้องน้ำ
แวนตา - แว่นตา
จีน - แหวน
อาแหวะ - ทัพพี
เป๊ดแท - มีดโกน
เป๊ด - มีด
เต๊นซอ - ดินสอ
กาถัด - ไม้บรรทัด
หยิ๊กปอยเดี๊ยะ - ผ้าอาบน้ำ
หยิ๊กไบ - ผ้าสะไบ
หยิ๊กฉูดยืง - พรมเช็ดเท้า
ถูป - ธูป
ถีน - เทียน
โหมก - หมวก
คัลมลู - พานหมาก
กร๊ะ - หวี
ถู๊ - เรือ
กานัน - เข็มขัด
ขวนตำตะโป - ฆ้อนตีตะปู
จูง - ขวาน
เป๊ดเผลีย - มีดอีโต้
โขมขรู - ถ้วย
กาเออง - ครก
จ๊อบ - จอบ
แขร - สาก
กาหมั๊น - แห
คีง - เขียง
กาวีง - สวิง
ขรู - ไซ
กาแบ๊ะ - เบ็ด
กรรไกร - กรรไกร
ตะเผลิง - ไฟเช๊ค
อุ๊ - ไฟ
กาเผลิง - ปืน
กาวีน - เคียว
ปะเฉิง - รองเท้า
จอก - แก้ว
หมวดสี
ภาษาส่วย(กูย) - ภาษาไทย
ซีกะเซา - สีแดง
ซีกะ - แวงสีดำ
ซีน้ำเงิน - สีน้ำเงิน
ซีฟา - สีฟ้า
ซีลืง - สีเหลือง
ซีบ๊วะ - สีขาว
ซีซม - สีส้ม
ซีชมพู - สีชมพู
ซีเทา - สีเทา
ซีมวง - สีม่วง
คำที่ใช้เรียกเครือญาติ
โผ , อาโผ, หมายถึง พ่อ
เผะ ,อาเผะ, หมายถึง แม่
โผเฒา หมายถึง ปู่ ตา คนแก่ผู้ชาย
เผะเฒา หมายถึง ย่า ยาย คนแก่ผู้หญิง
หลูง, อาหลูง หมายถึง ลุง
อาปี หมายถึง อา น้า (ผู้หญิง)
อามาด หมายถึง อา น้า (ผู้ชาย)
อาย หมายถึง พี่ชาย
เอย หมายถึง พี่สาว
ซาย หมายถึง พี่ (ชายหรือหญิงที่มีอายุมากกว่า)
แซม หมายถึง น้อง (ชายหรือหญิงที่มีอายุน้อยกว่า)
กอนงา หมายถึง ทารก
กอนแนน หมายถึง เด็ก
คำตรงข้าม
ภาษาส่วย (กูย) - ภาษาไทย
แกด – ผืด - เล็ก - ใหญ่
ถี – เถียบ - สูง - ต่ำ
บั๊วะ – กาแวง - ขาว - ดำ
ปล็อม – กาค๊วม - อ้วน - ผอม
ดัล – บิ๊ - มาก - น้อย
จี – เจา - ไป - มา
แก๊ะ – ถรึง - สั้น - ยาว
ไหว – ฉู - เร็ว - ช้า
กูยโถล – กูยกะไป - ชาย - หญิง
ซาย – แซม - พี่ - น้อง
จะนับ – เผรอะ - สาย - ขี้เห
หมวดทิศและตะวัน
ภาษาส่วย(กูย) - ภาษาไทย
นาเหลาะ - ทิศตะวันออก
นายืง - ทิศเหนือ
นาปั๊ด - ทิศตะวันตก
นาปลอ - ทิศใต้
เตาะหละ - พรุ่งนี้
ไงไบ - เมื่อวาน
ไงแหน - วันนี้
บันหละ - ตอนเช้า
บันบือ - ตอนเช้า
บันเว๊ะ - ตอนค่ำ
คำที่บ่งบอกวัยวุฒิ
ภาษาส่วยมีคำที่บ่งบอกถึงความแตกต่างทางด้านวัยวุฒิ เช่น
เกา หมายถึง กู ข้า ฉัน
ไหม หมายถึง แก มึง เธอ
ไฮ หมายถึง ผม กระผม , ข้าพเจ้า ฉัน
กะเบียด หมายถึง ผม กระผม, ข้าพเจ้า ฉัน
หมวง หมายถึง คุณ , ท่าน
คำปฏิเสธ
ภาษาส่วย(กูย) ภาษาไทย
เถ - ไม่
หึ - ไม่
ปะจี - ไม่ไป
ปะแอ - ไม่เอา
ปะบืน - ไม่ได้
ปะเกิ๊ด - ไม่มี
ปะออน - ไม่ให้
ปะดิง - ไม่รู้
ปะจา,ปะเจีย - ไม่กิน
ปะหงั๊ด - ไม่ฟัง
หมวดสัตว์
ภาษาส่วย(กูย) ภาษาไทย
โข - วัว
เกลียก - ควาย
อาจอ - สุนัข
แมว - แมว
อาหลิ๊ - หมู
กานัย - หนู
เถีย - เป็ด
หลู๊ย - ไก่
อากลอ - หอย
กาตาม - ปู
อากา - ปลา
กาซัน - งู
อาหลวย - แมลงวัน
บล๊าบๆ - ผี้เสื้อ
ตุ๊กแก - ตุ๊กแก
จ๊กจ๊ก - จิ้งจก
อายีล - ค้างคาว
อาจีง - ช้าง
อาหวั๊วะ - ลิง
แจม - นก
อาแซ๊ะ - ม้า
เกาเถียง - แมงป๋อง
ขลูน - ปลวก
ผลูน - พยาธิ
ปาง,อาเปลย - หนอน
อาเหรี๊ยก - ตั๊กแตน
อาเหรี๊ยด - แมลงสาบ
ตะกอด - ตะกวด
อากอย - กิ้งก่า
กาซูม - กุ้ง
อากรอ - หอย
แมงมุม - แมงมุม
อากรอโผรง - หอยโขง
อากรอแต๊ะ - หอยจูบ
กันกรูๆ - แมงดา
กามึก - ปลาหมึก
กาตัง - ปลาซิว
กากรั๊น - ปลาหมอ
กาเฉาะ - ปลาช่อน
กากัน - ปลาดุก
อากูด - กบ
อากูดซอ - เขียด
แจมโก - นกฮูก
แจมปาล - นกเขา
แจมเครียบ - นกพิราบ
แจมหลิ๊ - นกเอี้ยง
แจมตะ - นกกางเขน
กามอม - เต่า
กาซันเคว - งูเขียว
กาซันแหวะ - งูเห่า
กูดตะ - คางคก
อาหรี๊เกาะ - หมูป่า
แจ - เหา
กันกร๊อง - มดแดง
กันปาลแปง - แมลงทับ
กาแฮบ - ตะขาบ
กันขอขอ - กิ้งกือ
กันโหงลๆ - ผึ้ง
กาซันไผล - งูสิงห์
กันถ๋อดถ๋อด - แมลงปอ
หมวดผักและผลไม้
ภาษาส่วย(กูย) - ภาษาไทย
ไปลข่อง - มะม่วง
ไปลฮอง - มะละกอ
ไปลผึล - มะขาม
กาโตม - อ้อย
ไปลถูด - มะยม
ไปลผืง - มะเฟือง
ไปลปลี๊ด - กล้วย
ไปลคี๊บ - น้อยหน่า
ไปลโตง - มะพร้าว
ไปลตาล - ตาล
ไปลส้ม - ส้มเขียวหวาน
ไปลเงาะ - เงาะ
ไปลลำไย - ลำไย
ทุเรียน - ทุเรียน
แกลโปง - แตงโม
แกล - แตงกวา
ไปลถัน - พุทรา
ชมพู - ชมพู่
ไปลอาหนาด - สัปปะรด
ไปลแกรง - ลูกหว้า
แอบเปิ้ล - แอบเปิ้ล
ไปลข่องฟาย - มะม่วงป่า
ไปลมะขามเทด - มะขามเทศ
อาป๊อง - มัน
ไปลกึง - มะเขือ
ไปลโผงป๊อก - มะเขือเทศ
ไปลโกร๊ด - มะนาว
กรี - เห็ด
พักกาด - ผักกาด
พักชีเหลียว - ผักชีลาว
พักชีจีน - ผักชีจีน
พักคะนา - ผักคะน้า
อาโหร๊ะ - โหระพา
พักพราว - กะเพรา
ไปลผาว - ฝักทอง
อาบัง - หน่อไม้
พักกาหมึ๊ง - ผักตำลึง
พักเซดเดี๊ยะ - ผักกระเฉด
พักเซด - กระถิน
พักบุง - ผักบุ้ง
พัก - ผัก
ไปลละมุด - ละมุด
ไปลผรวง - มะไฟ
ไปลโกร๊ด - มะนาว
ไปลโกร๊ดซุ๊ด - มะกรูด
ไปลส้มโอ - ส้มโอ
พักหงั๊น - ขี้เหล็ก
กาเมลิง - ข่า
กาเถ่ะ - พริก
กาไขรย - ตะไคร้
ปองเหวีย - มันเทศ
ปองขวล - มันสำปะหลัง
ไปลหมี - ขนุน
ไปลเดีย - ฝรั่ง
ขัลผริ๊ก - บัว
ไปลเถน - ทับทิม
กาถีมออ - หอม
กาถีมซอ - กระเทียม
ไปลกอ - ลูกตะโก
ไปลกาย - ลูกจะบก
หมวดต้นไม้
ภาษาส่วย(กูย) - ภาษาไทย
ขัลเกาะ - ต้นไผ่
ขัลข่อง - ต้นมะม่วง
ขัลอาหลวง - ต้นไม้
ขัลฮอง - ต้นมะละกอ
ขัลผึล - ต้นมะขาม
ขัลกาโตม - ต้นอ้อย
ขัลถู๊ด - ต้นมะยม
ขัลผืง - ต้นมะเฟือง
ขัลปลี๊ด - ต้นกล้วย
ขัลโตง - ต้นมะพร้าว
ขัลคี๊บ - ต้นน้อยหน่า
ขัลเงาะ - ต้นเงาะ
ขัลลำไย - ต้นลำไย
ขัลเดีย - ต้นฝรั่ง
ขัลสะนาย - ต้นข่อย
ขัลก๊อ - ต้นตะโก
ขัลขูน - ต้นคูณ
ขัลแกรง - ต้นหว้า
ขัลกำ - ต้นแต้
ขัลตัง - ต้นสะเดา
ขัลแข - ต้นแค
ขัลกาย - ต้นจะบก
ขัลทุเรียน - ต้นทุเรียน
ขัลชมพู - ต้นชมพู่
ขัลหมี - ต้นขนุน
ขัลละมุด - ต้นละมุด
ขัลผรวง - ต้นมะไฟ
ขัลตาล - ต้นตาล
ขัลเซด - ต้นกระถิน
ขัลโกร๊ด - ต้นมะนาว
ขัลหงั๊น - ต้นขี้เหล็ก
คำพูดที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
ภาษาส่วย (กูย) - ภาษาไทย
จีเหนีย - ไปไหน
หวัวมลอ - ทำอะไร
จีเหนียเจา - ไปไหนมา
ไฮหมักหมวง - ฉันรักเธอ
ไฮกะอิหมวง - ฉันเกลียดเธอ
แอเจาแหน - เอามานี่
ออนนึ - ขอหน่อย
บึกหยูลรือด๋อง - ตื่นนอนหรือยัง
จีหรีนเถไงแหน - ไปเรียนไหมวันนี้
เจาจาโดย,เจาเจียโดย - มากินข้าว
ออนไฮจีนัง - ให้ฉันไปด้วย
แหมหนังเถ - ดูหนังไหม
ดิงจีหวัวมลอ - จะไปทำอะไร
โตลหมัลออนเนอะ - ซื้อของให้หน่อย
ต้องฉิมมะเหนีย - ท้องหมดเท่าไหร่
หวาวปะดิงเหรือง - พูดไม่รู้เรื่อง
แอเจาออนเนอะ - เอามาให้หน่อย
บิกบืนแหลว - นอนได้แล้ว
กานับออ - สวยจัง
หมวงดิงจีเหนีย - คุณจะไปไหน
ดิงจีปอยเดี๊ยะ - จะไปอาบน้ำ
ดิงจีหง๊อกเดี๊ยะ - จะไปดื่มน้ำ
ไฮดิงจีบิก - ผมจะไปนอน
หมวงกะอ๊อบดีเถ - คุณสบายดีไหม
ออนไฮฉูยเถ - ให้ฉันช่วยไหม
ยูลบืนแหลว - ตื่นได้แล้ว
จีโหรงหรีน - ไปโรงเรียน
กาอ๊อบเถ - สนุกไหม
จีอ๋องโดย - ไปหุงข้าว
จีแอเดี๊ยะเจาออนหง๊อกนัง - ไปเอาน้ำมาให้กินหน่อย
เจาดูนแหลวดอง - มานานแล้วหรือยัง
หมวงจำกาดาย - คุณรอใคร
เจาแหนเนอะ - มานี่หน่อย
บิดิงหวาวออนงัด - เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง
ติหวาว - อย่าพูด
ขึดเผอะมะ - คิดถึงนะ
หมวดคำถามที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
ภาษาส่วย(กูย) - ภาษาไทย
โผหมึ๊กมลอ - พ่อชื่ออะไร
เผะหมึ๊กมลอ - แม่ชื่ออะไร
ซายหมึ๊กมลอ - พี่ชื่ออะไร
แซมหมึ๊กมลอ - น้องชื่ออะไร
หมวงอายุม๊ะเหนีย - คุณอายุเท่าไร
หมัลแหนราเขียมะเหนีย - ของนี้ราคาเท่าไร
โผหมวงกูดุงเถ - พ่ออยู่หรือเปล่า
เกิดกาได๋กูเถดุงแหน - มีใครอยู่บ้านบ้าง
ดุงแหนอาจอกับเถ - บ้านนี้สุนัขดุมั๊ย
หมวงกูเซาะเหนีย - คุณอยู่หมู่บ้านอะไร
จาโดยนะมลอ - กินข้าวกับอะไร
หมวงหมึ๊กมลอ - เธอชื่ออะไร
หมวงหมักจามลอ - เธอชอบทานอะไร
จีแหมหนังนะไฮเถ - ไปดูหนังกับฉันไหม
หมวงหมักจงัดเผลงเถ - เธอชอบฟังเพลงไหม
เผลงมลอ - เพลงอะไร
จีถีวนะไฮเถ - ไปเที่ยวกับฉันไหม
หวัวการบานแหลวด๊อง - ทำการบ้านหรือยัง
จีหวัวหวิปะเหนีย - ไปทำงานที่ไห้



ภาษากูย (ส่วย) วันละคำ
ฮาย หมัก มอง (ภาษาส่วย) แปลว่า ฉันรักเธอ
กินข้าว - จาโดย
ดื่มน้ำ - หง็อดเดี๊ยะ
ไปไหน - จีเหยีย
ไปไหนมา - จีเหยียเจา
ช้าง - อาเจียง หรือ อาจีง
สุนัข - อาจอ
พ่อ - อาหนุ
แม่ - อาเหม๊ะ
พี่ชาย - อ้าย
พี่สาว - เอย
น้องชาย - แซมโปล๊ะ
น้องสาว - แซมอามอลล
รัก - หมัก
ฉันรักเธอ - ไฮหมักหมวง
ฉัน - ไฮ
เธอ - หมวง

*การพูด สำเนียง การเขียน อาจจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละท้องถิ่นนั้นๆ*